Valentine’s day คืออะไรและมีความหมายอย่างไร ทำไมหลายๆคนถึงให้ความสำคัญกับวันนี้กันนัก
จากประวัติที่เราๆ ท่านๆ เคยทราบกันมาแล้วว่า วันวาเลนไทน์ ก็คือวันแห่งความรักที่ถูกกำหนดขึ้นเป็นประจำในทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงนักบุญแห่งความรักนั่นคือ เซนต์วาเลนไทน์ ที่ถูกประหารให้เสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพราะท่านบังอาจฝ่าฝืนจัดงานแต่งงานให้กับชาวโรมันในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุษ เพราะในช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามทำให้ผู้ชายหลายๆ คนไม่อยากจากครอบครัวไปทำสงครามและบรรดาแม่บ้านหลายๆ ท่านก็ไม่อยากให้สามีของตนไปร่วมสงครามในครั้งนั้น ดังนั้นจักรพรรดิคลอดิอุสเห็นว่า การแต่งงานหรือมีครอบครัวเป็นอุปสรรคอย่างมากในการทำสงคราม จึงประกาศให้มีการยกเลิกการแต่งงาน แต่ท่านนักบุญวาเลนไทน์กลับมีการกระทำแบบสวนกระแส คือยังคงสนับสนุนให้คู่รักต่างๆ ที่ปราถนาจะอยู่ร่วมกันได้แต่งงานกัน ดังนั้น เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกจับไปคุมขัง แต่โชคชะตาฟ้าลิขิตก็บังเกิดกับท่านคือ ตัวท่านเองได้พบรักกับหญิงตาบอดนางหนี่งในขณะที่ถูกคุมขัง พอเรื่องนี้ถูกทราบ ท่านจึงโดนสั่งประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ค่ะ
เอาล่ะค่ะเราก็ได้ทราบประวัติคร่าวๆ แบบเศร้าๆ ของวันวาเลนไทน์กันไปแล้ว ทีนี้เรามาพูดถึงกิจกรรมวันวาเลนไทน์กันดีกว่าว่าหนุ่มๆ สาวๆ หรือคู่รักต่างๆ เค้าทำอะไรกันบ้าง แน่นอนที่สุดเลยว่าในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีจะมีคู่รักหลายๆ คู่ นิยมใช้วันนี้เป็นวันแต่งงานกัน เพราะคิดว่าเป็น "ฤกษ์งามยามดี" ถ้าที่เมืองไทยรู้สึกว่าถ้าจะไปจดทะเบียนกันก็ต้องไปที่สำนักงานเขต "บางรัก" เห็นว่าเป็นข่าวครึกโครมอยู่ทุกปี จนบางปีเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมของที่ระลึกให้คู่บ่าวสาวกันเลยทีเดียว ซึ่งดูๆ แล้วก็น่ารักไปอีกแบบ แต่ในทางตรงกันข้ามที่สำนักงานเขต "บางจาก" ผู้คนก็จะไม่ค่อยอยากไปจดทะเบียนที่นั่นเพราะ "กลัวการจากลา" เหมือนชื่อ ก็เป็นเรื่องของความเชื่อของแต่ละคนนะคะ อ่านไปเพลินๆ ขำๆ ก็แล้วกัน อีกกิจกรรมที่นิยมที่สุดในวันวาเลนไทน์สำหรับคู่รักทั่วไปนั่นก็คือ การให้ดอกไม้ ของขวัญ และช๊อคโกแลต ให้กับคู่รักคนตนเองถือเป็นประเพณีเลยก็ว่าได้ อ้อเกือบลืมไปค่ะ ถ้าเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นคอซองเมืองไทยรู้สึกว่าการติดสติ๊กเกอร์รูปหัวใจก็เป็นที่นิยมกันมาก เพราะถ้าใครได้สติ๊กเกอร์รูปหัวใจเต็มตัวมากที่สุดนั่นก็คือมีคนรักมากที่สุดหรือมีคนแอบมาหลงรักมากที่สุดนั่นเอง
ขอพูดถึงความรักสักนิดหนึ่ง หลายๆ คนให้ความสำคัญกับการรัก "คนอื่น" จนลืมรัก "ตัวเอง" การมีความรักอย่างถูกวิธินั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นความรักฉันท์ชู้สาวเสมอไป เพราะในการที่เราเจอใครคนหนึ่งแล้วเกิดความประทับใจในตัวเค้าคนนั้นอย่างมากมาย ไม่จำเป็นเลยว่าเราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เค้าคนนั้นมาครอบครอง หลายๆ คนเสียอกเสียใจกับรักที่ไม่สมหวังหรือรักที่ผ่านไปแล้ว จนไม่สามารถประคองตัวให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้ บางคนถึงขั้นใช้วิธีการทางไสยศาสตร์เข้ามาช่วย ถ้าคุณอ่านเกมความรักให้ออก และทำใจให้ได้ว่า รักบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่รักแบบครอบครอง แต่เป็นในแนวของ “รักคือการให้” ก็จะทำให้จิตใจของคุณเบิกบานขึ้นมาทันที และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ คุณจะไม่มีวันเสียคนที่คุณรักไปเพราะเธอหรือเค้าคนนั้นอาจจะยังคงอยู่เป็นเพื่อนคู่คิดของคุณก็ได้ ถ้าคุณทำใจให้ได้ว่าบุคคลที่คุณรักนั้นเค้าไม่ว่างสำหรับเราแล้วให้เปลี่ยนความคิดเป็นว่า “ถ้าไม่ได้เป็นคู่ชีวิตแต่อย่างน้อย ได้เป็นคู่คิดก็ยังดี” ก็จะทำให้ชีวิตของคุณมีแต่ความเบิกบานค่ะ
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่อีกด้านอาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณทรมานถ้าคุณรักใครโดยขาดสติ และลืมคิดถึงตัวเอง เพราะค่านิยมอย่างหนึ่งของหลายๆ คู่รักที่มักจะมาพร้อมวันวาเลนไทน์นั่นก็คือการที่หญิงสาวหลายๆ คนยอมพลีกายให้กับคู่รักของตนในวันนี้ และผลสุดท้ายก็มักจบลงด้วยความเศร้าในการจากลา โดยเฉพาะถ้าผู้ชายคนนั้นเข้ามาเพียงเพื่อหวังความรักแบบชั่วข้ามคืนกับคุณ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะบอกสาวน้อยหลายๆ ท่านที่กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนก็คือ การมีความรักนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรมีสติประกอบควบคู่ไปด้วยอย่ายึดถือว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันที่จะต้องเสียตัวให้กับคนที่คุณรักเสมอไปเพราะถ้าเค้าคนนั้นรักคุณจริงเค้าก็จะไม่มีวันทำลายคุณเลยค่ะ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ และขอให้ทุกท่านพบเจอแต่ความรักดีๆ ตลอดไปค่ะ
