สัมภาษณ์พิเศษ พี่อู๋ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

เผยแพร่เมื่อ 20 ธ.ค. 2013 ผู้เขียน
พี่อู๋ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พี่อู๋ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

กับวันนี้ของ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา 

“เธอหัวใจกระดาษ เบาเบาก็ขาด เบาเบาก็ปลิว” เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วถ้ากล่าวถึงเพลง “หัวใจกระดาษ” เชื่อได้เลยว่าแทบจะไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเพลงนี้ เพลงนี้นอกจากจะโด่งดังมากแล้ว ยังทำให้ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งเป็นที่รู้จักภายในชั่วข้ามคืน วันนี้ทางทีมงานของ MaBrisbane.com ได้รับเกียรติเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ชีวิตของคุณอู๋ หรือพี่อู๋ นักร้องเสียงคุณภาพมีเสน่ห์สุดเท่ห์คนนี้  แต่ก่อนที่เราจะไปพบกับพี่อู๋ เรามาทราบถึงประวัติที่ไม่ธรรมดาของผู้ชายคนนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ.. 

ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา จบการศึกษาที่ไทยจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยา เอกภาษาอังกฤษ

และจากออสเตรเลีย คือ Diploma of Interior Design & Decoration at TAFE institutes in Western Australia

ปัจจุบันพี่อู๋มีกิจการหลายอย่างและดำรงตำแหน่งอะไรบ้างคะ?

ปัจจุบันส่วนใหญ่ทำงานเพลงอยู่เบื้องหลัง เช่น เพลงโฆษณา, Spot วิทยุ, Jingle ข่าว, ทำเพลงให้กับศิลปินอื่นบ้าง, ทำเพลงประกอบละครเวทีสุนทราภรณ์ The Musical ซึ่งเป็นปีที่ 4 แล้ว ให้กับบริษัท JSL Global Media, งาน Event DJ เปิดเพลงตามงาน Party ต่างๆบ้าง และมีกิจการเป็น Resort เล็กๆ ที่เกาะลันตา จ.กระบี่ ชื่อว่า “Coco Lanta Resort” ครับ

พี่อู๋คะ ขอถามย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนในวันที่เพลงหัวใจกระดาษโด่งดังมากๆ ในยุคนั้น พี่มีวิธีอย่างไรในการรับมือความโด่งดังของตัวเอง?

วิธีในการรับความโด่งดังของตัวเอง ไม่นะ...ไม่ได้คิดว่าโด่งดังนะ บังเอิญโชคดีได้ทำงานที่ตัวเองรักก็เลยสนุก เลยเป็นธรรมชาติ มันก็มีบ้างที่บางครั้งลงจากเวทีมาแล้ว หลายคน อยากจะขอถ่ายรูป แต่เรามีงานต่อเราก็อาจมีเวลาไม่มากหรือไม่ได้ถ่ายรูป หลายคนอาจจะงง งง นิดหน่อย แต่ OK นะ และที่สำคัญคงเป็นเรื่องของเวลามั้ง 

ณ ตอนนั้น อยากให้เล่านิดนึงค่ะกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต (เช่น การใช้ชีวิตปกติ หรือผู้คนที่เข้ามาหา)?

photoเป็นคนโชคดีมั้งครับที่ก่อนหน้าที่จะร้องเพลงได้ทำงานอยู่เบื้องหลังมาก่อน เช่นทำ Music Video หรือทำเบื้องหลังละครเวทีมาก่อน ก็เลยได้ทั้งทีมงานและศิลปินหลายๆคน แนะนำ สั่งสอน บอกกล่าวตักเตือน ผมว่ามันเป็นการเรียนรู้ที่ดีนะ....และที่สำคัญต้อง ขอขอบพระคุณพี่ไก่ สุธีแสงเสรีชน ที่เป็นทั้งโปรดิวเซอร์ชุดเเรกอัลบั้ม TNT ค่าย Music X และพี่ชายที่ให้ความรู้คำแนะนำที่ดีตลอดมา และอัลบั้มนี้ทำให้ผมได้รับรางวัล "สีสัน Award ครั้งที่ 9 ประจำปี 2539"

ในสาขาศิลปินชายร็อคยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม ”TNT” 

ในสาขาศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม ”TNT” และ

รางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน สาขานักร้องชายยอดเยี่ยม

แล้วหลังจากที่พี่หมดสัญญากับทางค่ายเพลงเดิมแล้ว พี่ทำอะไรคะ?

ในปี 2539 หมดสัญญากับ Music X ก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อที่ TAFE institutes in Western Australia

ทราบมาว่าพี่มาเรียนต่อที่ออสเตรเลียด้วย เรียนที่ไหน กี่ปี และทำไมถึงเลือกเรียนที่เมืองนี้คะ? 

เรียนที่ Perth Australia ครับ ใช้เวลาเกือบๆ 3 ปี พอดีมีคนรู้จักอยู่ที่โน่นอยู่แล้ว สำหรับผมๆ ว่าที่ Australia ลักษณะอากาศคล้ายกับประเทศไทย มีฤดูร้อนที่อบอุ่น และไม่มีฝน และมีฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัด เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและสวยงาม มีชายหาดทะเลที่งดงาม ผู้คนมีลักษณะนิสัยที่เรียบง่ายและเป็นมิตร ในตอนนั้นผมว่าที่สำคัญสำหรับผมเลยนะคือเรื่องค่าครองชีพไม่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ใน Australia และเป็นอีกเมืองที่มี Museum หลายแห่ง

ในความเห็นของพี่ พี่คิดว่าการมาเรียนต่อเมืองนอกนั้นมีจุดดีและจุดด้อยอย่างไร?

โดยปกติผมเป็นคนชอบเดินทาง และที่สำคัญชอบเดินทางคนเดียวด้วย ชอบเรียบรู้หาประสบการณ์ใหม่ๆ จุดดีในการมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ สำหรับตัวเองคิดว่ามันได้พิสูจน์และได้ทำความเข้าใจกับตัวเอง การใช้ชีวิตในสถานะที่แตกต่างกันและที่สำคัญต้องมีวินัย ความมุ่งมั่นและมี Goal ที่ชัดเจน

กับการใช้ชีวิตในเมืองนอก พี่ปรับตัวอย่างไร อยากให้แนะนำน้องๆ ที่เพิ่งมาเรียนต่อ แล้วเกิดปัญหา “Culture shock” หรือความรู้สึกสับสนต่อวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย พี่มีวิธีอย่างไรคะ?

ส่วนเรื่อง Culture Shock มีข้อแนะนำค้วยกัน อยู่ 3 - 4 เรื่องนะ อย่างแรกคงเป็นเรื่อง 

  1. Timing ถ้าเราอยู่ไม่นานก็คงไม่มีข้ออื่นๆ ตามมาอย่างเเน่นอน

  2. Attitde เราคงต้องยอมรับก่อนว่ามันป็นเรื่องของ “ความแตกต่าง" ถ้าเราไปในประเทศที่เรายิ่งมีความแตกต่างไปจากสิ่งที่เราเคยรับรู้ หรือเคยเห็นมามากเท่าไหร่ โอกาสที่ Culture Shock จะมีผลกระทบกับเราก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งถ้าภาษาเราได้ ก็จะได้ตัดในเรื่องของความแตกต่างให้น้อยลง ก็จะทำให้เรามีทัศนคติหรือแนวความคิดที่มีความแตกต่างจากคนพื้นถิ่นน้อยลงครับ
     
  3. Culture Shock มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเมื่อเราไปต่างประเทศเท่านั้น เพราะว่าแม้กระทั่งเราอยู่เมืองไทย ซึ่งในแต่ละคนก็มาจากพื้นเพและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไป มันก็เกิดขึ้นได้
     
  4. Open Mind การเปิดใจยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ยอมรับในสิ่งที่เห็น ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา แล้วปรับตัวไปกับมันให้ได้ ถ้าเรามีทัศนคติที่ดีและก็มีความพยายาม

  5. Positive Thinking สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่เราเตรียมใจให้พร้อมและยอมรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การที่ปรับทัศนคติให้ดีโดยเฉพาะพยายามคิดอะไรต่างๆ ให้เป็นแง่บวกเข้าไว้ มีความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรสิ่งใดก็ตาม ถ้าผิดพลาดก็ให้ถือเป็นบทเรียน ให้มีความอดทนกับสิ่งต่างๆ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง มันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากทำหรือไม่คุ้นเคยกันบ้าง แต่ถ้าเราทำใจได้ ยอมรับมันได้ เชื่อว่าเมื่อนั้นเราน่าจะผ่านมันไปได้

ตอนอยู่ออสเตรเลียไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ประทับใจอะไรกับประเทศนี้?

อย่างที่บอกนะเป็นคนชอบเที่ยว Perth เป็นแหล่งรวมของวัฒนธรรมอันหลากหลายซึ่งอยู่ร่วมกันได้อย่างสอดคล้องและปรองดอง มีผู้คนหลายสัญชาติอาศัยและทำงานที่นี่ ที่สะท้อนให้เห็น ก็เป็นอาหาร เพราะที่นี่มีให้คุณเลือกมากมายหลายประเภท อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มี Museum มากมายหลายแห่ง ผมเชื่อนะว่าถ้าประเทศไหนให้ความสำคัญกับการเสพศิลปะแสดงว่าจิตใจของคนของประเทศนั้นๆ ก็จะจรรโลงไปด้วย นอกจากงานศิลปะแล้วผมชอบทะเล

ก็ไปมาหลายๆ ที่นะ อย่างเช่น Bondi Beach, Great Barrier Reef, Gold Coast, Opera house Sydney อันนี้ต้องไปแน่ๆ แต่ส่วนใหญ่ผมก็จะอยู่ใน Perth แหละครับ โดยเฉพาะตลาดของมือสอง Ha Ha Ha!!! แต่ผมว่าเวลาที่ไปเที่ยวกับไปอยู่เลย ความรู้สึกมันต่างกันอย่างบอกไม่ถูก ผมอาจจะยังไม่สัมผัสกับชีวิตที่นั่นอย่างไม่รู้ดีพอ  

หลังจากเรียนจบแล้วกลับไปไทย พี่เริ่มทำธุรกิจเลยหรือเปล่าคะ? 

photottเวลาผ่านไป 3 ปีผมก็กลับมาเมืองไทย และก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับ RS Promotion กับอัลบั้มชุดที่ 2 ของผม และเพลง “หัวใจกระดาษ”ก็ทำให้หลายคนรู้จักผมมากขึ้นอีก หลายๆ คนเราอาจจะสนิทกันมากขึ้น และจากอัลบั้มนี้เองทำให้อัลบั้มนี้เองได้รับรางวัล “สีสันAward ครั้งที่ 12 ประจำปี 2542”

ในสาขาเพลงยอดเยี่ยม “หัวใจกระดาษ” คำร้อง-ทำนอง เจษฎา หันช่อ และ

ในสาขาศิลปินชายร็อคยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม ”คนธรรพ์ณธร”

และหลังจากที่หมดสัญญากับ RS ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ More Music สังกัด GMM Grammy

 

ได้ยินมาว่าพี่ทำธุรกิจ Resort?

ส่วนในเรื่องของการทำธุรกิจ ปัจจุบันมีธุรกิจเล็กๆ กับเพื่อนๆ เป็น Resort ชื่อว่า "COCO LANTA RESORT" อยู่ที่หาดคลองโขง เกาะลันตา จ.กระบี่ เพิ่งจะครบรอบ 1 ปี ไปหมาดๆ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แขกที่มาพัก ก็จะเป็นแขกยุโรป อาทิเช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ มีห้องพักทั้งหมดจำนวน 33 ห้อง เข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/cocolantaresort นะครับ

ด้วยลักษณะของเกาะลันตามีสภาพภูมิอากาศเป็นป่าฝนเมืองร้อน จึงทำให้เกาะลันตา มีเพียง 2 ฤดูกาลคือ ฤดูฝน และฤดูร้อน และฤดูกาลท่องเที่ยวในเกาะลันตา จะเริ่มตั้งแต่เดือน ตุลาคม-เดือนพฤษภาคมของทุกปี แต่ที่ COCO LANTA RESORT ของเราเปิดให้บริการทั้งปีนะครับ

มีคนเคยพูดไว้ว่า “ส่วนใหญ่ดารานักร้องมักไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ” พี่คิดว่าปัญหาเกิดจากอะไร?  

ส่วนที่คนเคยพูดไว้ว่า “ส่วนใหญ่ดารานักร้องมักไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ” ผมว่าไม่ใช่ทั้งหมดนะ ผมว่าการที่เราได้ทำอะไรที่เรารักมักจะมีความสุขเเละหล่อเลี้ยงให้เราอยู่ได้ เพราะในทุกๆ วันมันมีปัญหาตลอดแหละ หากเราต้องการประสบความสำเร็จเราต้องปราศจากข้ออ้างใดๆ มีเป้าหมายชัดเจน ลงมือกระทำเพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างจริงจัง และที่สำคัญต้องมีการพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ   

อยากให้เล่าถึงปัญหาในการทำ Resort พี่เคยผ่านเหตุการณ์รุนแรงอะไรมาบ้าง แล้วผ่านมาได้อย่างไร?

ย้อนกลับไปในปี 2004 ที่เมืองไทย เกิดมหันตภัย "สึนามิ” ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยนะที่อ่าวนาง จ.กระบี่ ทุกอย่างหายหมด แต่ในเมื่อมันหายไปแล้ว จะให้ทำอย่างไร การที่เราสูญเสียแค่ข้าวของเงินทอง ผมว่าผมโชคดีมากขนาดไหนแล้ว แต่ในขณะเดียวกันที่ หลายๆ คนเสียชีวิต สูญเสียคนรัก พลัดพรากจากคนในครอบครัว มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายและเจ็บปวดอย่างเเสนสาหัส ณ ตอนนั้น สิ่งเดียวที่สร้างได้ก็คงป็นกำลังใจให้กับตัวเอง และคนข้างๆ เวลาก็จะช่วยให้เราทุเลาเบาบางและดีขึ้นในที่สุด.... 

ในอนาคตพี่จะมีผลงานอะไรบ้าง เห็นว่าจะมีงานการแสดงทางด้านศิลปะ?

เรื่องงานส่วนตัวคาดว่าปีหน้าจะได้เจอะเจอกันนะครับ ตามสื่อต่างๆอาจจะเป็นรูปแบบที่จะแตกต่างกันไปจากเดิมเล็กน้อย และจะมีการบวกรวมงานศิลปะเเขนงต่างๆที่ได้ผมเองได้เรียนรู้มา  

กลับมาถึงงานเพลงค่ะ ไม่ทราบว่า แฟนๆ จะมีโอกาสได้รับฟังพี่อู๋ร้องเพลงอีกหรือเปล่าคะ? 

กับงานเพลงรวมเข้าด้วยกัน ติดตามกันปีหน้านะครับ หรือเข้าไปฟังเพลงผมพลางๆ ที่ https://soundcloud.com/tannatonn ก่อนได้นะครับ

765681478754

ขอถามเรื่องหัวใจบ้าง ตอนนี้สถานะของหัวใจเป็นอย่างไรบ้างคะ? 

เรื่องหัวใจ..ตอนนี้ โสดครับ 

ตั้งไว้หรือเปล่าว่า ลักษณะของผู้หญิงที่ชอบต้องเป็นอย่างไร?

ถามว่าเคยมี Spec มั้ย เมื่อก่อนก็มีนะ แต่ปัจจุบัน.....

คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าชู้ไหมคะ?

เจ้าชู้มากๆๆๆ แต่เวลาคบใครคบเป็นคนๆ และทำทุกอย่างเต็มที่ พี่อู๋เป็นคนโรแมนติก เรียกได้ว่าดอกไม้จะมาเป็นช่อๆได้ตลอดเวลาเพื่อแฟน แล้วทำได้ทุกอย่าง แต่ข้อเสียของพี่ก็คือ พี่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงและชอบที่จะมีเวลาเป็นของตัวเอง จนทำให้หลายๆครั้งเป็นต้นเหตุของการทะเลาะกัน และเมื่อเวลาทะเลาะพี่ก็สามารถที่จะมองคนใหม่ได้ทันทีเลย แต่จะจีบหรือไม่จีบเค้านั้นค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง 

อยากให้พี่ให้ข้อคิดกับน้องๆ ที่มีโอกาสมาเรียนเมืองนอก ว่าภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไรกับอนาคตของเรา? 

สำหรับน้องที่เรียนต่อเมืองนอก ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในปัจจุบันมันอาจจะไม่พอแล้วนะ ผมเคยมีประสบการณ์หลงทางที่เยอรมัน บางคนเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษเลย หรือญี่ปุ่นก็คล้ายกันนะ แต่นั่นแค่ไปเที่ยว ในระยะเวลาอันสั้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันช่วยได้ แต่อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ การเปิดใจยอมรับ ปรับตัว มีทัศนคติที่ดี และความพยายาม น่าจะดีกว่าในระยะยาว

อยากให้พี่ให้ข้อคิดกับน้องๆ ที่กำลังจะเข้ามาในวงการ ว่าควรจะทำตัวอย่างไร และมีวิธีการอย่างไรในการรับมือกับความมีชื่อเสียง และควรทำอย่างไรเมื่อวันหนึ่งความมีชื่อเสียงเริ่มลดน้อยถอยลง?  

สำหรับน้องหลายๆ คนที่จะเข้ามาในวงการ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องมีเลยน่าจะเป็น “ใจ” ครับ ถ้าคุณมีใจหรือความรักกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันจะตามเองอีกหลายอย่างเช่น ความมีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์ เสมอต้นเสมอปลาย กตัญญูรู้คุณ และที่สำคัญกว่า พรสวรรค์เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ผมก็ยังเชื่อในเรื่องของ การแสวงหาความรู้ เพราะมันคงไม่สิ้นสุด อย่างที่เค้าว่ากันว่า สิ่งที่ยากกว่าการ “ได้มา”คือการ “รักษาไว้” จริงมั้ยครับ

ขอบคุณครับ

ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อญุธยา 

แล้วพบกับ MaBris Talk ได้ที่นี่ ทุกๆ เดือนนะคะ

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 15 ก.ย. 2014
Miss Brisbane

Fashion Editor
MaBrisbane.com

 

เวปไซต์: www.facebook.com/serena.denis.1