สาวๆ ที่อายุจะย่างเข้าสามสิบ อย่าละเลยกับคำว่า "คอลลาเจน" (ตอน 2)

เผยแพร่เมื่อ 22 ก.ค. 2013 ผู้เขียน

ริ้วรอยไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับสาวัยรุ่นที่อายุไม่ถึง 20 ปี อีกต่อไป


อย่างที่บอกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ร่างกาย จะลดการสังเคราะห์ “คอลลาเจน” ลงทุกปีปีละ 1.5 % เมื่ออายุเราก้าวย่างเข้าสู่ช่วง 20 ต้นๆ และอาจจะเร็วกว่านั้นหากมีปัจจัยอื่นๆมากระตุ้น อะไรล้า ? นั่นก็คือเจ้ารังสียูวี ฮอร์โมน อนุมูลอิสระ แอลกอฮอล์ และบุหรี่ไงล้า ฉะนั้น รอช้าไม่ได้ละคร่า เรามาป้องกันเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่า !!

อาทิตย์นี้เราจะมาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการชะลอและปกป้องให้ชั้นผิวหนังมีการยุบตัวช้าที่สุด ก่อนจะเป็นชนวนเหตุของผิวพรรณที่มีแต่ริ้วรอย และความเหี่ยวย่น เฮ้ออ! ได้ยินคำนี้แล้วเครียดขึ้นสมอง อย่างว่าผู้หญิงเรายอมได้ทู๊กกอย่าง ยกเว้นเสียแต่ว่าชั้นจะไม่ยอมให้ผิวของชั้นเหี่ยวย่นเด็ดขาดด หลายๆคนเลือกที่จะเติมสารคอลลาเจนให้กับผิวหนังไม่ว่าจะทั้งการทาครีมบำรุง การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนทั้งแบบเม็ด แบบผงละลายน้ำ หรือลงทุนหน่อยก็ใช้วิธีการฉีดเข้าไปเรยคร่า แต่หลายๆคนอาจจะสับสนว่า..แล้ววิธีไหนจะได้ผลดีที่สุดล่ะ ?? เป็นความข้องใจมานานแล้วใช่ไหมละคะ ที่บางครั้งเราบริโภคผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่เกิดขึ้นมาอย่างกะดอกเห็ดเหล่านี้ ก็มีแต่ความหวังว่าผิวของชั้นจะดีขึ้น แต่ไม่เคยได้เห็นผลชัดเจนสักที เพราะเรามีความเชื่อที่ผิดๆกันนั่นเอง

หลายๆคน มโนไปเองว่า การทานอาหารเสริมหรือดื่มเครื่องดื่มผสมคอลลาเจนเข้าไปปุ๊บ! ร่างกายจะสามารถดูดซึมนำไปใช้เสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ทันที ไม่จริงค่ะ !! หากเราย้อนระลึกถึงความรู้สมัยมัธยมที่เคยเรียนมานั้น คอลลาเจนก็คือสายโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งการดูดซึมโปรตีนเข้าสู่ร่างกายนั้นจะต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อนเช่นเดียวกับสารอาหาร ย่อย..ย่อย..ย่อยจนเหลือหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดในระดับกรดอะมิโน (ไม่เหลือแม้แต่สภาพความเป็นคอลลาเจน) แล้วร่างกายถึงจะดูดด่ำเจ้ากรดอะมิโนนี้เพื่อนำไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือเป็นโปรตีนที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้อีกที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่ากรดอะมิโนที่ได้รับจะถูกนำไปสร้างเป็นคอลลเจนได้เท่ากันทุกคนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ในผู้สูงอายุ ร่างกายมีความสามารถในการสังเคราะห์คอลลาเจนน้อยลง ดังนั้น แม้ว่าจะกระหน่ำทานคอลลาเจนเข้าไปมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะสังเคราะห์คอลลาเจนเท่าที่ทำได้ ไม่มีการสังเคราะห์เพิ่ม

ข้อเท็จจริงที่อีกประการคือ คอลลาเจนไม่ได้มีเพียงชนิดเดียว แล้วคอลลาเจนของสัตว์แต่ละชนิดก็แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจากเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อปลา จะเห็นได้ว่ามีลักษณะและความยืดหยุ่นแตกต่างกัน ฉะนั้น ด้วยความแตกต่างนี้เอง เราจึงไม่สามารถรับคอลลาเจนจากสัตว์อื่นๆ มาทดแทนหรือรวมเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างผิวหนังของคน แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ! หากต้องการให้ร่างกายของเรามีคอลลาเจนอย่างเพียงพอ มีเพียงแต่วิธีการบำรุงรักษากลไกของร่างกายที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนเท่านั้น ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกระบวนการสร้างคอลลาเจน หรือรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนที่มีอยู่เสื่อมสลายลง มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงกว่า การทานคอลลาเจนสำเร็จรูปเพิ่มเข้าไปในปริมาณมากๆเสียอีก ตรงตามคอนเซ็ปท์ You are what you eat นั่นเองค่ะ หรืออย่างที่ฝรั่งเค้าว่ากันว่า "Back to the Basic" แต่เราก็ไม่เคยทำกันได้ซะที

แต่ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกรับประทานอาหารเสริมไปเลยนะคะ เพราะเข้าใจว่าด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นั่นอาจจะไม่ง่ายเลยสำหรับใครหลายๆคน จึงต้องหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาเป็นตัวช่วย เพียงแต่ว่าให้เลือกรับประทานอาหารเสริมสำหรับผิวกันอย่างมีสติ ไม่คล้อยตามสรรพคุณที่อวดอ้าง ถ้าเรารู้ถึงกระบวนการการสังเคราะห์คอลลาเจนอย่างแท้จริงแล้ว เราก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสิ่งจำเป็นต่อร่างกายในการนำมาเป็น “สารตั้งต้น” ให้ร่างกายนำมาทำงานร่วมกับกรดอะมิโนจากการย่อยคอลลาเจนที่กินเข้าไป เกิดการสร้างโปรตีนที่จำเป็นหรือคอลลาเจนได้เองตามกระบวนการธรรมชาติอย่างอัตโนมัติ
ว้า !หมดพื้นที่ละ ฉบับหน้าจะมาไขข้ออุปทานไปเองอีกประการที่สาวๆ หลายๆอาจจะรู้สึกไปเองกับการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ผสมคอลลาเจน.. ห้ามพลาดกับเคล็ดไม่ลับ สำหรับการบำรุงผิวทั้งการรับประทานอาหารทั่วไป และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีประสิทธิภาพมาฝากค่ะ จุ๊บๆ
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 15 ก.ย. 2014