สั่งพิมพ์หน้านี้

ประสบการณ์เรียนภาษาระยะสั้นในบริสเบน กับน้องจิ๊บและน้องไผ่ ที่สถาบัน ICTE, UQ

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2016 ผู้เขียน

ก่อนหน้านี้ทีมงาน MaBrisbane พาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับรุ่นพี่นักศึกษาระดับปริญญาเอกกันแล้ว ครั้งนี้เราจะมาพูดคุยกับน้องจิ๊บและน้องไผ่กับการมาเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้น 2 เดือนกันบ้าง ว่าประสบการณ์การการมาเรียนภาษาครั้งนี้ได้เรียนรู้ และได้ทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง

 

คอร์สเรียนภาษาระยะสั้นเป็นยังไงบ้าง

ได้มาเรียนภาษาระยะสั้น 10 อาทิตย์ มีปฐมนิเทศ สอบวัดระดับภาษา (placement test) speaking, listening, reading, writing ทดสอบเราหลาย ๆ ด้าน แล้วเอาคะแนนมารวม แล้วเฉลี่ย เพื่อจัดเราไปอยู่ในชั้นหรือ level ที่เหมาะสม ในห้องนึงมีนักเรียนประมาณ 8-20 คน แต่วันแรกที่มามีประมาณ 200-300 คน ที่มานั่งสอบด้วยกัน สถาบัน ICTE (Institute of Continuing & TESOL Education) ของ University of Queensland

 

20160926-stdexp-jib-0620160926-stdexp-pai-05

 

อารมณ์เหมือนบ้านเราแบบภาษาเพื่อคนต่างด้าว ซึ่งเป็นคนเอเชียค่อนข้างเยอะ ลาตินอเมริกา ยุโรป ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปี 1 ปี 2 อายุอยู่ในช่วงประมาณ 20 ต้น ๆ คนส่วนมาก  นิยมมาเรียน 5 สัปดาห์ แล้วก็ 10 15 หรือ 20 สัปดาห์ มันจะเพิ่มทีละ 5 สัปดาห์ เพราะว่า section นึงจะเรียน 5 อาทิตย์ ทุก ๆ ครั้งที่ section จบ ก็จะมีการเปลี่ยนเพื่อนร่วมชั้น เพราะว่าพอหมด 5 สัปดาห์ นักเรียนเกินครึ่งห้องเค้าก็กลับกันไปหมด นักเรียนที่เหลือก็เลยต้องมาจับกลุ่มรวมกันใหม่ ในทุก section ก็จะมีการสอบในสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งถ้าเราทำคะแนนได้ดีมาก ๆ เราก็จะได้เลื่อนระดับไปเรียนในชั้นที่สูงขึ้น หรือเราสามารถเลือกที่จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงาน หรือ IELTS ได้

เพื่อน ๆ ในห้องน่ารัก ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ๆ ใส ๆ มาจากมาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น แล้วก็มีลาตินอเมริกาเล็กน้อย บราซิล ชิลี ซาอุฯ โผล่มาคนสองคน ของจิ๊บมีอาจารย์ 3 คน มาจากยุโรป 2 และอเมริกา 1 ของไผ่คนนึงเหมือน Mr. Bean (ฮา)

 

20160926-stdexp-pai-02

 

การที่มีอาจารย์มาจากหลายเชื้อชาติก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการฝึกฟังหลาย ๆ สำเนียงมั้ย

ปัญหาไม่ได้มีกับอาจารย์นะ ปัญหาคือกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นคนเอเชีย คือเราก็ไม่ได้เก่งอะไร เอาง่าย ๆ เวลาเราเรียนภาษาหรือพูดกับเจ้าของภาษามันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า สมมุติเราไปฟังจากคนที่เบ๊าะแบ๊ะ ๆ ด้วยกันอย่างเนี้ยมันก็เลยแบบ นิดนึง ๆ คือเราก็ไม่ได้บอกว่าเราเก่งนะ แต่จากมุมมองของเราที่เราต้องไปคุยกับเค้าอ่ะเนอะ มันจะมีพวกสำเนียงติดมา แต่เด็กพวกนี้เก่งนะ ทักษะทางภาษาเค้าเก่ง พอเราต้องไปฟังนอกจากจะพยายามเข้าใจทักษะทางภาษาของเค้าแล้วยังต้องมามีเรื่องสำเนียงที่ปนมาด้วย คือในมุมเค้า เค้าก็อาจจะว่าเราเหมือนกันเนอะว่า อุ๊ย อะไร สำเนียงไทย แต่มันก็จะมีบางคนที่สำเนียงชัด ค่อนข้างอินเตอร์ ถ้าเค้าไม่พูดรัว พูดช้านิดนึง เราก็จะโอเค บางคนนี่รัวแล้วเป็นสำเนียงภาษาเค้าด้วย คิดว่าอยู่นาน ๆ ก็คงชิน แต่ว่าคงต้องซัก 6 เดือน 1 เดือนนี่ใช้มือถือในการสื่อสารกันค่ะ เปิดรูปให้ดูเลย ฮ่า ๆ ๆ

 

วิธีการสอนเป็นอย่างไรบ้าง

ส่วนใหญ่จับคู่ แล้วก็ให้ทำงานกันเป็นกลุ่ม แต่ว่าอาจารย์จะคอยเฉลย หรือว่าบางทีเค้าก็มาแอบฟังว่าเราสนทนากันในเรื่องที่เรียนหรือเปล่า ก็มาช่วยแก้ช่วยแนะ ของจิ๊บอาจารย์จะเน้นให้ทำกิจกรรมมากกว่ามาเปิดตำราเรียน อย่างตอนจิ๊บเรียนอยู่ที่ไทย มันก็จะออกแนวเน้นหนังสือไปเยอะ เป็นตัวเนื้อหาเยอะ แต่อันนี้คือเค้าจะเน้นให้พูดมากกว่า ให้แสดงความคิดเห็น สำหรับไผ่คิดว่ามันไม่ได้ต่างจากที่เจอมามาก แต่อย่างที่ไทยเวลาเราเรียนเรื่อง grammar เรื่อง tense มันก็จะมีการอธิบายว่าเป็น tense ก่อนหลังอะไรยังไง แต่พอมาเป็นอาจารย์ที่นี่ พออธิบายแล้วมันงงกันใหญ่เลย อธิบายน้อย สั้น ๆ เหมือนแบบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ซึ่งอย่างเราลืมหรือไม่ค่อยแม่นก็จะมีปัญหา แล้วอย่างบาง tense เราเรียนมามีแค่ 3 ทำไมอันนี้มันโผล่มามี 5 6 อัน คือแบบงง ตั้งแต่เด็กไม่เห็นเคยเรียน อย่าง future เงี้ย เราก็เรียนมาแค่ will หรือไม่ก็ verb to be + ing แต่นี่เป็น will + verb to be + ing ซึ่งเราก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ใช้ แล้วคำอธิบายของเค้าก็ไม่ได้ทำให้เรากระจ่าง ว่าแต่ละอันมันแตกต่างกันยังไง คิดว่าถ้าเราอ่านในหนังสือเตรียมไปก่อนก็น่าจะเกทอยู่ เฉพาะเรื่อง grammar นะ เรื่องอื่นก็โอเค

 20160926-stdexp-pai-03

 

รู้สึกว่าได้อะไรกลับไปบ้างรึยัง

รู้สึกถูกกระตุ้นให้พูดมากขึ้น เพราะว่าปกติแล้วคนไทยจะไม่ค่อยพูด ต่อให้เป็นเรียนที่ไทยก็ไม่ค่อยพูด แต่อันนี้คือเหมือนมันบังคับ เพื่อนเราก็เป็นต่างชาติ เราก็แอบพูดไทยไม่ได้ ฮ่า ๆ คือแบบไม่มีใครมารู้เรื่องกับเราไง แล้วอย่างกิจกรรมบางอย่างต้องทำ 2 คน แล้วถ้าเราไม่พูดเพื่อนเราก็ไม่รู้จะทำยังไง

 

20160926-stdexp-jib-03

 

แล้วมีคนไทยเรียนด้วยกันมั้ย

ในห้องไม่มีเลย แต่ก็เจออยู่คน 2 คน แต่อยู่คนละห้อง เค้าก็เหมือนมาเรียนปรับพื้นฐานก่อนที่จะเข้ามหาลัย ทั้งตรีและโท

 

นอกจากเรียนแล้วทำอะไรบ้าง

เรามีเรียนแค่ 8.15am – 12.45pm หลังเลิกเรียนก็ชวนกันไปเดินเล่น หาอะไรกิน แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะไปไกลหน่อย ที่ไปไกลหน่อยก็เพราะว่า go Card มีโปรโมชั่น เพราะเราเสียเงินไปตั้งแต่วันจันทร์ถึงพฤหัส ก็ศุกร์เสาร์อาทิตย์เราก็เที่ยวเต็มที่ ต้องไปให้คุ้ม

 

ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างแล้ว

Gold Coast ค่ะ ไปเช้าเย็นกลับ อาทิตย์ก่อนก็ไป Harbour Town ทั้งวัน มันก็ไม่ได้ถูกทุกอย่าง ต้องเป็นคนที่ช้อปจะรู้ว่าอันไหนถูกอันไหนแพง DFO ก็ไปเดินมาแล้วแต่มันไม่ได้บรรยากาศแบบ Harbour Town

 

20160926-stdexp-jib-02

 

แล้วถ้าจะแนะนำเพื่อน ๆ ที่มาให้ไปเที่ยวนี่จะแนะนำที่ไหนกัน

ส่วนตัวจิ๊บชอบ Gold Coast ไผ่ว่า Gold Coast ควรต้องไปแน่ ๆ เดินทางไม่นาน แค่ชั่วโมงเดียวจากบริสเบน มันมีสีสัน มีทั้งหาด ทั้งความเป็นเมือง แหล่งรวมสวนสนุก ดูชิค ๆ แต่ถ้าถามว่าจะต้องไปค้างมั้ย ยังมองไม่เห็นว่าทำไมจะต้องไปค้าง ถ้ามีเพื่อนไปกันเป็นกลุ่มแล้วไปเช่าห้องอพาร์ทเม้นท์ ซื้อของมาทำอะไรกินกันมันก็คงสนุกดี กลางคืนก็ออกไปเดินเล่นดูสีสันแล้วก็ค่อยกลับ

พอดีเราสองคนไม่ค่อยชอบเล่นก็เลยไม่ได้ไปไหน ไผ่ไป Sea World มาแล้วก็สนุกดี จิ๊บว่าที่ Gold Coast มีคนมาเล่นเซิร์ฟเยอะด้วย เพราะคลื่นที่นี่สูงแล้วก็แรงกว่าที่บ้านเรา ที่โรงเรียนเค้าก็จะย้ำมากเลยว่าเวลาไปลงเล่นน้ำ ต้องเล่นภายในเขตที่เค้าปักธงไว้นะ สำหรับพวก life guard เค้าจะได้มองเห็นเรา หากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน

 

ได้ไปสัมผัสน้องหมีโคอาล่ากันมารึยัง

ก็ไป Lone Pine ที่โรงเรียนเค้าได้ราคามาถูกเหมือนกัน ปกติจะขายประมาณ$30 แต่ซื้อมาได้ $20 แต่ว่าต้องเอาใบเสร็จแล้วก็คูปองที่ซื้อเนี่ยไปโชว์พร้อมกับบัตรนักเรียน ไม่ใช่ว่าเราจะซื้อไปให้คนอื่นใช้ได้ เป็นอย่างเดียวที่ได้ลดค่ะ (จิ๊บหัวเราะ) ที่นี่ก็มีทั้งจิงโจ้ ให้อาหารมันได้ด้วย อุ้มหมีโคอาล่าถ่ายรูปคู่ มีโชว์โกนขนแกะ โชว์หมาเลี้ยงแกะ

 

20160926-stdexp-jib-07

20160926-stdexp-pai-04

 

มีอะไรจะแนะนำฝากถึงเพื่อน ๆ ที่คิดจะเรียนที่บริสเบนหรือเมืองอื่นในออสเตรเลียมั้ย

บริสเบนเป็นเมืองอยู่ง่าย ๆ สงบ ๆ เดินทางไปไหนก็สะดวกดี สำหรับไผ่ครั้งนี้มาบริสเบนเป็นครั้งที่ 2 เคยมาเที่ยวเมือปี 2010 ก็ 6 ปีมาแล้วเนอะ ซึ่งไผ่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป เพราะอย่างบางเมืองเนี่ย ผ่านไป 5 ปีก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่ก็เห็นมีพวกแบรนด์ดัง ๆ มาเปิดเยอะขึ้น ที่ Gold Coast ก็มีตึก Q1 ที่สูงที่สุดในละแวกนั้น คือที่นี่ความมหัศจรรย์ของมันก็คือหาดที่ยาว แล้วพอเราไปอยู่บนตึกสูงทำให้เห็นวิวความยาวของหาดมันก็สวยมาก แต่เวลาไปเที่ยวทะเลนี่ไม่เคยแตะน้ำเลยนะ ที่นี่อากาศช่วงเช้ากับตอนเย็นตอนกลางคืนจะหนาว แล้วตอนกลางวันเวลาแดดมานี่ก็จะร้อน คือเวลาเราออกจากบ้านแต่เช้าก็ต้องเตรียมตัวเตรียมเสื้อผ้าเผื่อไปถึงกลางคืนเลย เวลาถ่ายรูปตรงชายหาดนี่เซ็งเลย เพราะเราแต่งตัวไม่เข้ากับแบคกราวด์ คือเป็นทะเลแต่ใส่หนาวมาก แล้วคนอื่น ฝรั่งในรูปแบบใส่ขาสั้น บิกินี่ อยู่ที่นี่ต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นหน่อย ร้อน ๆ หนาว ๆ

 

20160926-stdexp-jib-0420160926-stdexp-pai-01

 

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 27 ต.ค. 2016
MaBrisbane

Welcome to The Sunshine State