วางแผนเดินทางซื้อของ

เผยแพร่เมื่อ 27 เม.ย. 2013 ผู้เขียน
ก่อนที่เราจะออกจากบ้านไปซื้อของกินของใช้ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ จะต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า "เราจะออกไปซื้ออะไร?" เหตุที่ต้องตั้งคำถามเช่นนี้เพราะกฎหมายและโครงสร้างของผังเมืองจะแตกต่างจากเมืองไทยพอสมควร ที่ร้านค้าสามารถตั้งที่ไหนก็ได้และสามารถหาสินค้าทุกอย่างได้ภายในห้างสรรพสินค้าเพียงแห่งเดียว แต่สำหรับเมืองบริสเบนหรือเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลียจะแบ่งผังเมืองเป็นพื้นที่สำหรับร้านค้าประเภทต่างๆ อย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า หากเราจะซื้อเครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์สำหรับแต่งบ้าน จะต้องเดินทางไปซื้อในย่าน A หากอยากได้ต้นไม้ ของตกแต่งสวน ต้องเดินทางไปย่าน B แต่ถ้าอยากได้อุปกรณ์สำหรับตกแต่งภายในสำนักงานต้องเดินทางไปย่าน C ดังนั้นถ้าวันไหนต้องการซื้อของหลายประเภท ต้องวางแผนการเดินทางเพราะแต่ละบริเวณอยู่ห่างกันและต้องใช้เวลาเดินทาง อีกทั้งเวลาเปิด-ปิดของห้างต่างๆ ที่บริสเบนจะเปิดสายแต่ปิดเร็ว โดยวันจันทร์ถึงศุกร์จะเปิดทำการ 10.00 - 17.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์อาจเลื่อนเวลาปิดเร็วขึ้นจาก 17.00 น. เป็น 16.00 น

อย่างไรก็ดีสำหรับสินค้าทั่วไป เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ ชา กาแฟ ฯลฯ สามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ที่มีอยู่มากมาย กระจายอยู่ตามแหล่งชุมชนต่างๆ นอกจากนี้ภายในตัวเมืองยังมีร้านสะดวกซื้อที่ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับบ้านเรา คือ 7-ELEVEN แต่สินค้าอีกประเภทที่มีร้านเฉพาะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ไวน์ เบียร์ ฯ อีกทั้งเวลาซื้อคนขายจะขอดูพาสปอร์ต สำหรับผู้ที่คนขายดูแล้วว่า "หน้าเด็ก" เพราะที่บริสเบนมีข้อบังคับห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี
 
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีตลาดสดคล้ายกับบ้านเรา แต่จะจัดขึ้นมาเป็นพิเศษอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เรียกง่ายๆ ตามภาษาบ้านเรา คือ ตลาดนัด โดยที่ใจกลางเมืองบริสเบนจะมีตลาดนัด พืชผัก ผลไม้ ขนมปัง ไส้กรอก ชีส ซึ่งจะเปิดขายทุกวันพุธเวลา 8.00 - 17.00 น. เป็นสินค้าประเภทสดจากฟาร์ม เจ้าของไร่เดินทางมาขายเอง นอกจากวันพุธแล้ว จะมีตลาดนัดแบบเดียวกันนี้เปิดในวันเสาร์ - อาทิตย์ แต่จะอยู่นอกตัวเมืองซึ่งสะดวกกว่าในการหาที่จอดรถ
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 15 ก.ย. 2014