วัฒนธรรมการท่องเที่ยวในรูปแบบชาวออสซี่ นอกเหนือไปจากการเล่นน้ำทะลและอาบแดดที่เรามักพบเห็นกันแล้ว อีกอย่างเป็นไรไม่ได้นอกจากการไปแคมป์ปิ้งและตกปลา ควีนส์แลนด์เป็นรัฐที่มีอุทยาน และสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการไปแคมป์ปิ้งอยู่หลายร้อยแห่ง หลายแห่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งจากชาวออสซี่และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามเป็นอย่างมาก ท้าท้ายผู้คนไปกางเต้นท์เพื่อชมความสวยงามตลอดทั้งปี
เรามาดูกันว่ามีข้อผิดพลาดหรือคำแนะนำอะไรบ้าง ที่เราจะได้รู้เท่าทันก่อน หากวันนึงอยากจะไปพิสูจน์ความสวยงามนี้..
1. ไม่ได้หาข้อมูลสถานที่ตั้งแคมป์ก่อนไป
บ่อยครั้งที่เราหมกมุ่นกับการหาสถานที่สวย ๆ เพื่อตั้งแคมป์ แต่ลืมที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีภายใน อย่างเช่น น้ำดื่ม น้ำใช้ ห้องน้ำ จุดตั้งเต้นท์ สภาพภูมิอากาศ สำรวจเส้นทางที่วิ่งไปยังจุดตั้งแคมป์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่รถแบบไหนสามารถเข้าไปถึง ระยะเวลาการเดินทาง เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่(Park Ranger)หากต้องการขอความช่วยเหลือ หรือแม้แต่การหาข้อมูลร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องมืออุปกรณ์ที่อยู่ใกล้จุดตั้งแคมป์ หากเมื่อถึงเวลาจำเป็น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญทั้งสิ้น แคมป์ปิ้งมือใหม่หรือแม้แต่ผู้ที่มากประสบกรณ์อาจจะพลาดได้ง่าย ๆ
2. ไม่ได้ทดสอบอุปกรณ์ที่ซื้อมาก่อนนำไปใช้จริง
ลืมทดสอบไฟฉายที่ซื้อมาใหม่ หรือแม้กระทั่งลืมแกะดูว่ามีถ่านไฟฉายให้มาหรือไม่? ลองการเต้นท์หลังใหม่หรือยัง? ปัญหาเรื่องการกางเต้นท์เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของแคมป์ปิ้งมือใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่อุปกรณ์ที่ซื้อ ได้รับชิ้นส่วนครบหรือชิ้นไหนชำรุดมั้ย? เพราะถ้าหากชิ้นส่วนขาดหายไปซักชิ้น ก็อาจจะทำให้เต้นท์ใช้งานไม่ได้ไปเลย
หากใครที่เคยซื้อของในออสเตรเลียบ่อย ๆ คงพอทราบดี ว่าอุปกรณ์ที่ซื้อที่นี่เมื่อซื้อมาแล้ว ต้องทดลองใช้ทันที บางร้านเขาไม่ให้ลองที่ร้าน ก็สามารถกลับเอามาลองที่บ้านได้ ร้านที่นี่โดยส่วนมาก สามารถคืนหรือเปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 7 วันหลังจากวันที่ซื้อ หากพบปัญหาก็จะได้แก้ไขได้
และอย่าลืมว่าการกางเต้นท์ในสถานที่จริง มีอุปสรรคหลายอย่างที่จะท้าท้ายนักกางเต้นท์มือใหม่ อย่างเช่น ความแรงของลม แสงไม่พอ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เราเสียเวลาในการกางเต้นท์ได้ ยิ่งถ้าเป็นเต้นท์หลังใหม่ที่ไม่เคยกางมาก่อนด้วยแล้ว หากจะต้องมาฝึกกางเต้นท์ด้วยอุปสรรคเหล่านี้ไม่สนุกแน่ ๆ การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่า เรายังมีกิจกรรมต้องทำอีกหลายอย่าง เช่น การก่อกองไฟ การทำอาหาร หรือการแบ่งเวลาไปช่วยเพื่อนร่วมทางของเรา
3. ไม่ชำนาญในการก่อกองไฟ
หากใช้เตาแก๊สแบบพกพาข้อนี้อาจจะไม่ต้องกังวลมากนัก แต่ถ้าทำอาหารโดยใช้ถ่านหรือฟืนเป็นหลัก ให้เริ่มก่อกองไฟตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะกว่าไฟจะพร้อมในการปรุงอาหารจะต้องใช้เวลาพอสมควร การปรุงอาหารในที่มืดมันไม่ค่อยบันเทิงใจเท่าไหร่นัก โดยส่วนใหญ่สมาชิกในแคมป์ปิ้ง จะต้องมีหนึ่งคนที่เป็นผู้ชำนาญและรับหน้าที่นี้
และหลังจากก่อกองไฟแล้ว ต้องอย่าลืมวิธีดับไฟที่ถูกต้องด้วย เนื่องจากจุดตั้งแคมป์โดยส่วนมากอยู่ใกล้ป่า ไม่เช่นนั้นอาจะจะทำให้เกิดปัญหาไฟไหม้ป่าตามมาได้ นอกเหนือไปจากนั้น การลงโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎและก่อให้เกิดความเสียหาย มีค่าปรับที่สูงมาก!
4. ซื้ออุปกรณ์มาในราคาถูก
จริงอยู่ที่ว่าของบางอย่างไม่จำเป็นต้องซื้อแบบดีมากก็ได้ เพราะปีนึงเราจะได้ตั้งแคมป์กันซักกี่ครั้งเชียว แต่ของบางชิ้นที่ราคาถูกมาก จนคุณภาพของสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจจะทำให้ใช้งานไม่ได้ไปเลย หรือก่อให้เกิดอันตราย ดังเช่น เต้นท์ที่เสาไม่แข็งแรงกันลมแรงไม่ได้ ไฟฉายที่ส่องสว่างไม่เพียงพอหรือหลอดขาดง่าย กระติกน้ำแข็งที่เก็บความเย็นได้ไม่ดี อุปกรณ์ที่อาจทำให้เกิดอันตราย จำพวกแก๊สปิคนิค ตะเกียงแก๊ส เป็นต้น
ถ้าหากพอมีทุนทรัพย์และเวลาอยู่บ้าง ควรศึกษาสินค้าที่มีการรับรองที่ดี ได้รับการยอมรับจากคนโดยส่วนใหญ่(รีวิวดี) เพิ่มเงินอีกนิดเลือกของที่ดีหน่อย ของบางชิ้นอาจจะใช้ได้ไปอีกหลายปี หากดูแลรักษาอย่างดี
5. ใช้อุปกรณ์เกินความจำเป็น
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว การเลือกของที่มีคุณภาพแต่ราคาแพงนิดนึง นับเป็นสิ่งที่ดีกว่าการซื้อของถูกแต่ใช้งานไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ดีบางครั้งการเลือกของที่เกินความจำเป็น ก็เป็นสิ่งที่อาจจะไม่เหมาะสมเช่นกัน เช่น เต้นท์หลังใหญ่กว่าจำนวนคนที่นอน ขนเครื่องครัวหรือวัตถุดิบไปแคมป์มากเกินไป พกเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ไปด้วย เป็นต้น
เพราะการใช้อุปกรณ์เกินความจำเป็นนอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว อาจจะกลายมาเป็นภาระของเราอีก สละเวลาซักนิด.. “เลือกของที่เหมาะสมกับเรา เพียงพอต่อการใช้งาน และมีคุณภาพใช้งานได้”
6. ลืมคำนึงเรื่องสภาพอากาศ
จริงอยู่ที่สภาพอากาศเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่เราก็สามารถลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเริ่มตั้งแต่การวางแผนช่วงฤดูที่เหมาะสมต่อการแคมป์ปิ้ง การตรวจสอบสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากได้กำหนดเวลาเดินทาง การวางแผนล่วงหน้าหากเกิดปัญหา เช่น การหาจุดหลบพายุที่เหมาะสม โดยไม่อยู่ในที่สูง ใกล้วัตถุที่เป็นโลหะขนาดใหญ่ แอ่งน้ำ ลำธาร ต้นไม้ใหญ่ และอื่น ๆ
การเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศก็สำคัญเช่นกัน เช่น เลือกเต้นท์ที่มีที่กันน้ำค้าง หรือการใช้ฟลายชีท(Fly Sheet)สำหรับช่วงหน้าหนาวที่หมอกลงจัด การเลือกแผ่นรองนอนที่เหมาะสม เป็นต้น
ในปัจจุบันที่นอนแบบเป่าลม(Air Mattress)ได้รับความนิยมเนื่องจากสะดวกในการใช้งาน จัดเก็บง่าย และใช้รองนอนได้ดี แต่ที่นอนประเภทนี้อาจจะถึงกับทำให้เรานอนไม่ได้ทั้งคืน ถ้าใช้ในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากความเย็นจากพื้นด้านล่างจะส่งถ่ายไปยังอากาศที่อยู่ภายในฟูก จนทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่านอนอยู่บนน้ำแข็ง หากเจออากาศแบบนี้ ถ้าเป็นคนชอบนอนบนฟูกนุ่ม ๆ ลองเปลี่ยนไปใช้ที่นอนแบบพองตัวเองได้(Self Inflating Mattress) ซึ่งจะใช้ได้ดีกว่า
7. ชะล่าใจจนไปสาย
การไปถึงจุดแคมป์ปิ้งสาย เป็นอะไรที่ไม่ควรทำ เพราะทุกอย่างจะติดขัดไปหมด เริ่มตั้งแต่ หาจุดตั้งแคมป์ลำบาก ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยด้วยแล้ว กางเต้นท์ได้ยากเนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอ และกว่าจะได้ปรุงอาหารก็อาจมืดค่ำไปแล้ว โดยนอกจากจะมองไม่ค่อยเห็นแล้ว อาหารที่ออกมาก็อาจจะไม่อร่อยด้วย เนื่องจากกะสัดส่วนเครื่องปรุงผิด ๆ ถูก ๆ กว่าจะได้ทานก็หิวจนแสบท้องพอดี และสุดท้ายทริปนั้นอาจจะกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายอีกด้วย ดังนั้นควรเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้าเสนอ เท่าที่จะทำได้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พยายามนึกไว้เสมอว่า ดวงอาทิตย์ไม่เคยรอเราลับขอบฟ้า
8. แสงสว่างไม่เพียงพอ
หากอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า เรื่องแสงสว่างไม่พอมีผลกระทบกับหลายกิจกรรม เพราะยามค่ำคืน หากจะทำอะไรก็ตามการมองเห็นล้วนเป็นสิ่งจำเป็น ควรมีอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างเพียงพอภายในแคมป์ อย่างเช่น ตะเกียง หรือ โคมไฟ และอุปกรณ์ชิ้นสำคัญอย่างไฟฉาย ท้ายที่สุดควรมีแบตเตอรี่หรือเชื้อเพลิงสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ตามระยะเวลาในการตั้งแคมป์
9. ลืมเก็บอาหารและขยะเมื่อเข้านอน
ธรรมชาติของสัตว์ป่าโดยส่วนใหญ่ จะออกหากินตอนเวลากลางคืน ดังนั้นการเก็บอาหารและขยะให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน จำเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเพื่อนบ้านเหล่านี้มารื้อค้นแคมป์ของเรายามค่ำคืนได้
ในออสเตรเลียมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ในธรรมชาติจำนวนมาก และที่มักจะมาเยี่ยมเยือนชาวแคมป์ก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ Dingoes, Cassowaries, Possums และ Kangaroos วิธีการป้องกันง่าย ๆ คือการหาถังขยะที่มีฝาปิดแบบที่มีตัวเกี่ยวล็อค หรือเก็บขยะใส่ถุงรวมกันไว้ท้ายรถ ก่อนจะนำไปทิ้งในวันรุ่งขึ้น
10. ไม่ได้เก็บอาหารสดให้ถูกต้อง
ทริปที่ระยะทางค่อนข้างไกลและใช้เวลาในการเดินทางนาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเก็บอาหารสดในที่ที่เหมาะสม ควรจัดเก็บของเน่าเสียง่ายเหล่านี้ไว้ในความเย็น อย่างเช่นกระติกน้ำแข็ง หรือ กล่องโฟมเก็บความเย็น ซึ่งมีเทคนิคหลายวิธี สำหรับการใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างเช่น
- ใส่น้ำแข็งในกระติกล่วงหน้าก่อนเดินทาง เพื่อให้ช่องภายในเย็นพร้อมตอนจัดเก็บอาหาร
- ใช้ขวดน้ำดื่มแช่แข็งแทนน้ำแข็ง โดยนอกจากจะได้น้ำดื่มเย็นชื่นใจเมื่อไปถึงแคมป์แล้ว ยังทำให้กระติกของเราไม่สูญเสียความเย็นในการแช่ขวดน้ำปกติอีกด้วย
- นำอาหารไปแช่แข็งทิ้งไว้ก่อนนำมาใส่กระติก วิธีนี้นอกจากจะเก็บได้นานขึ้นแล้ว ยังทำให้กระติกของเราไม่สูญเสียความเย็นคล้ายกับข้อข้างบนอีกด้วย แต่ควรกะระยะเวลาที่อาหาร Defrost ทันก่อนนำมาปรุง
- หลีกเลี่ยงการวางกระติกในที่มีแสงแดด หรือ อุณภูมิสูง เพื่อให้น้ำแข็งภายในอยู่ได้นานขึ้น
- หากเป็นไปได้ แยกเครื่องดื่มกับอาหารไว้กระติกคนละใบกัน เพราะกระติกที่มีเครื่องดื่มมักจะถูกเปิดบ่อยกว่า ถ้าเอาแช่ไว้ด้วยกันอาจจะทำให้อาหารเสียง่าย
- เทคนิคขั้นพื้นฐาน ใส่เกลือในน้ำแข็งช่วยทำให้กระติกเย็นขึ้น แต่หากเราทานน้ำแข็งด้วย ให้ใช้วิธีเติมเกลือในขวดน้ำแล้วใส่ลงไปในกระติก แต่อย่าลืมทำสัญลักษณ์ไว้ ถ้าไม่อยากพลาดดื่มน้ำเกลือแทนน้ำ
เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 ข้อผิดพลาดนี้.. ซึ่งแม้แต่คนที่มีประสบการณ์ ก็อาจจะพลาดได้ง่าย ๆ เช่นกัน ถึงอย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดแล้ว.. อย่ากังวลกับรายละเอียดเล็กน้อยจนเกินไป เหตุผลที่ไปแคมป์เพราะเราต้องการเดินทางออกจากบ้านเพื่อมาพักผ่อนและสนุกกับมัน พึงนึกไว้เสมอว่าการไปแคมป์ปิ้ง ทุกอย่างล้วนไม่ได้สบายเหมือนอยู่บ้าน หัวใจสำคัญก็คือ “การเตรียมตัวให้พร้อม มีสติตลอดทริป และสนุกไปกับมัน” :)
ข้อมูลอ้างอิง:
qld.gov.au - “Department of National Parks, Recreation, Sport and Racing”
gocampingaustralia.com - “Go Camping Australia”
