Byron Bay คือเมืองติดชายหาดที่อยู่ไม่ไกลจากบริสเบน แต่ตั้งอยู่ในเขตของรัฐ NSW เมืองที่สวยอันดับต้น ๆ ของออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ ผู้คนเดินทางมาพักผ่อน ดำน้ำ โต้คลื่น หรือแม้กระทั่งเที่ยวเทศกาลดนตรียอดฮิตอย่าง Blue Festival ซึ่งหากใครจะพักในช่วงนั้นที่พักทั้งหลายก็อาจจะถูกจองจนเต็ม โดย Byron Bay ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าให้เห็นบ้าง เมืองไม่ค่อยวุ่นวาย แต่ช่วงเทศกาลก็ไม่แน่เหมือนกันค่ะ ที่อาจจะดูแปลกตาหน่อยก็ตรงที่คนเอเชียจะไม่ค่อยเยอะมากนัก เป็นชาวออสเตรเลียและยุโรปซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการเดินทางไปยังเมืองนี้จากบริสเบนก็สามารถไปได้ทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะของ Greyhound
เกริ่นมาสักพักแล้ว.. เอาเป็นว่าในบทความนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวกับเพื่อนต่างชาติ 3 วัน 2 คืนใน Byron Bay แบบตามใจเพื่อน เพราะเพื่อนไม่ตามใจเราเลย แม้กระทั่งเรื่องอาหาร TwT
เตรียมตัว (1 คืนก่อนเที่ยว 555555)
- ที่พัก : backpacker 2 nights
- เดินทาง : เช่ารถ
- อาหาร : ไปซื้อเอาดาบหน้า
- เงิน : ทั้งเงินสด และ บัตร เตรียมไปให้พร้อม
- กล้องถ่ายรูป (คือดูจากเพื่อนแล้ว คงไม่ถ่ายรูปกันแน่ ๆ เราเอาไปเองก็ได้ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาอีกครั้ง)
- หนังสือเดินทาง หรือ Passport, ใบขับขี่ ห้ามลืมเด็ดขาด!
- เสื้อผ้า บิกินี่ รองเท้าแตะ รองเท้าผ้าใบ ผ้าเช็ดตัว ยาเท่าที่จำเป็น
เอาเป็นว่าเราเป็นพวกชอบลุยๆ เที่ยวไปเรื่อย นอน backpacker มาหลายเมือง ถือว่าพอรับได้ทุกสถานการณ์ ยิ่งเที่ยวเยอะยิ่งมีประสบการณ์กับการจัดของเยอะ (รึเปล่า?) พล่ามมาเยอะแล้ว ไปเที่ยวกันเถอะ...
Day 1
8.00 a.m. นัดไปเจอกันที่รับรถเช่าแถว Fortitude Valley แล้วก็ตรวจเช็คสภาพรถก่อนเซ็นรับรถเมื่อคนขับที่ 1 และ 2 พร้อม GPS พร้อม ก็มุ่งหน้าสู่ Byron Bay กันเลยยย...
การเดินทางคร่าว ๆ ก็เลือก GPS แบบ Avoid toll คือดีที่สุดเพราะประหยัดเงินค่ะ การเดินทางจากบริสเบนถึง Byron Bay ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชม.นิด ๆ แบบชิลชิล แวะกินโน่นกินนี่ไปเรื่อย แวะไปถ่ายรูปกับเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสองรัฐ QLD และ NSW ที่ Coolangatta, Gold Coast หรือฝั่ง Tweed Heads ก็สวยไปอีกแบบ เราไม่พลาดที่จะไปแวะดื่มกาแฟตรงคาเฟ่ร้านเดียวที่อยู่ใกล้จุดแบ่งเขตแดน แนะนำ chips อร่อยเด็ดมากค่ะ ทอดได้เจ๋งมากวันนั้น แวะชมวิวถ่ายรูปกันสักพัก เมื่อได้เวลาก็มุ่งหน้าสู่ Byron Bay กันต่อ
ขับต่อมาประมาณสิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว Check-in backpack ที่สภาพเหมือนเป็นโกดังเก่าแล้วมารีโนเวทใหม่ ด้านหน้าเป็น Pub & Restaurant ขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังเป็นที่พัก ในที่พักจะแบ่งเป็นส่วน backpacker และส่วน resort เราได้ข่าวมาว่า ที่พักในช่วงที่เราไปส่วนใหญ่เต็มหมดเพราะตรงกับเทศกาลดนตรีพอดี ทำให้พวกเราไม่มีที่ไหนให้ไปพักเลยมาจบลงที่นี่ (ตอนแรกจองบ้านเป็นหลังไว้ คุยกับเจ้าของบ้านดิบดี สุดท้ายจาก 8 คน เหลือ 5 คน เลยต้องย้ายเพราะจ่ายไม่ไหว) เราเลือกที่พักเป็นแบบห้อง mixed dorm 10 ppl คือในห้องสามารถนอนได้ 10 คน ผู้หญิงกับผู้ชายนอนรวมกัน เรามีเพื่อนผู้ชายไปด้วยเราเลยสบายใจหน่อย (แต่ที่พักก็มีตัวเลือกอื่น ๆ ให้เลือกอย่าง ห้องคู่ หรือ ห้องแชร์หญิงล้วน) หลังจากเราเช็คอินก็ไปเดินสำรวจที่พัก
ที่นี่เค้าก็มีกิจกรรมให้เราทำหลายอย่าง ทั้งว่ายน้ำ วอลเลย์บอลชายหาด เล่นดนตรีสดตอนกลางคืน (คนที่มาเข้าพักมาเปิดหมวกเล่น) หรือแม้กระทั่งสอนทำเชือกข้อมือจากพืชไม้ริมน้ำ เมื่อเราเข้ามาถึงห้องพักเราเริ่มเข้าใจว่า ทำไมมันถึงถูก ฮ่าๆๆๆ เอาเป็นว่าเรานอนได้ เพราะแค่นอนเท่านั้นเอง หลังจากแยกย้ายเก็บของ
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราก็วางแผนขับรถเข้าเมืองไปหาของกิน จริง ๆ จากที่พักก็สามารถเดินมาในตลาดได้เช่นกัน ซึ่งมีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายเครื่องดื่มให้เลือกสรรค์เลยค่ะ ซึ่งที่พักของเราอยู่ใกล้กับ Woolworths ซึ่งถือว่าได้เปรียบทางด้านยุทธศาสตร์ นึกอะไรไม่ออกก็ขับรถไปที่นี่ โดยเราซื้อของเตรียมไว้ทำอาหารสำหรับมื้อเย็นและมื้อเช้าเช้าถัดไปกันค่ะ
ในตอนเย็นฟ้าเปิดเป็นใจให้กับพวกเราดีมาก เราก็เลยตกลงปลงใจกันขับรถไปนั่งจิบลมชมวิวกันที่ Main Beach อากาศยามเย็นที่นี่ถือว่า โรแมนติกสุด ๆ แสงแดดสีส้มยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า มีขนมมานั่งปิคนิคคุยกันสบายใจ ผู้คนเดิน-วิ่งออกกำลังกายริมชายหาด ทะเลตอนเย็นแดดอุ่น ๆ ช่างสวยงดงาม พวกเรานั่งกันจนมืด หลังจากนั้นก็กลับที่พักเตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ คืนแรกเราแพลนจะไปเข้าผับด้านหน้า backpacker ที่เราพักกัน แต่สรุปว่า..เราเมาตั้งแต่ใน backpacker แล้ว ตามสไตล์ฝรั่งคือ ต้องเมาก่อนเข้าผับจะประหยัดเงินได้เยอะ ฮ่า ๆ Anyway... เราเลยขอตัวลากลับห้องก่อน และบอกเพื่อนว่าไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้..เดี๋ยวเราเฝ้าห้องให้เอง ยูไปกันเถอะ... (คืนแรกเราช่างน่าอับอายยิ่ง... เสียเชื่อเด็กวิดวะหมด) แล้วเพื่อนเราก็ไปสนุกกันต่อในผับ โดยทิ้งเรานอนอยู่ในห้องคนเดียว ฮ่า ๆ
02.00 a.m. เพื่อนกลับมา แถมเปิดไฟห้องอีก ไม่เกรงใจกันเลยยย... จังหวะนั้นคือ เราหันไปเห็นแมลงสาบ 3 ตัววิ่งอยู่ข้างกำแพงห้อง หูยยย...เรานี่ตื่นแบบวิ่งออกไปนอกห้องเลย แมลงสาบมันเข้ามาเพราะเค้าลืมปิดหน้าต่างด้านบน มันเลยวิ่งเข้ามาทักทาย กว่าจะได้นอนอีกทีก็รอมันสงบ(ตาย) ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง ทุกคนก็ไม่กล้านอนต่อ หลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืนเลย แล้วพรุ่งนี้มีแพลนดำน้ำด้วย..ตายแน่ ๆ
หมดไปแล้วกับวันแรก ทั้งสนุกและตื่นเต้น เราเคยไป Byron Bay แบบไปเช้าเย็นกลับมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเรารู้สึกหลงใหลทะเลและบรรายากาศของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ จึงทำให้เราชวนเพื่อน ๆ ให้มาเที่ยวที่นี่กันอีกครั้ง หากใครเคยไป Byron Bay จะเห็นได้ถึงความแตกต่างระหว่างสองรัฐทั้ง QLD และ NSW ไม่ว่าจะเป็น ถนนหนทาง วิวข้างทาง หรือแม้กระทั่งผู้คน สำเนียงการพูดที่พักดูไม่คุ้นหูเอาซะเลย แต่อย่างน้อยช่วงวันหยุดยาวก็ทำให้เมืองเล็ก ๆ เมืองนี้ ดูคึกคักและมีสีสันขึ้นมาทันตา
เราขอจบ Byron Bay ในตอนแรกไว้เท่านี้ก่อนเพราะมิฉะนั้นมันจะยาวมากก.. ไว้เพื่อน ๆ มาติดตามต่อในตอนที่สองกันค่ะ ที่จะมาเล่าว่า Byron Bay ไม่ได้มีแค่ทะเลและ Light House น้าา :)
