สั่งพิมพ์หน้านี้

รีวิวหนัง Crimson Peak โลกิกับปราสาทสีเลือด

เผยแพร่เมื่อ 18 ต.ค. 2015 ผู้เขียน
รีวิวหนังสัปดาห์นี้กับ.. “Crimson Peak” ที่มีชื่อเป็นไทยว่า ปราสาทสีเลือด หนัง Drama, Fantasy, Romantic Horror ที่เข้าโรงฉายในออสเตรเลียช่วงกลางเดือนตุลาคมก่อนวันฮัลโลวีน

หากใครที่เข้าไปดูแบบความหวังสูงกับหนังแล้วละก็ อาจจะต้องผิดหวังกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าเราจะหาอารมณ์ความรักหรือความน่ากลัว มันก็ยังไม่สุดกับหนังเรื่องนี้

20151018-crimson-peak-poster

ตัวละคร

ตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องของหนังมีอยู่ 4 ตัวละครด้วยกัน ได้แก่ พ่อโลกิของเรา Tom Hiddleston จากเรื่อง Thor (2011,2013), นักแสดงมากความสามารถ Jessica Chastain จากเรื่อง Interstellar (2014) และ The Martian (2015) ที่กำลังเข้าฉายไล่เลี่ยกัน, Mia Wasikowska นักแสดงชาวออสเตรเลีย ที่เราอาจจะยังจำกันได้ดีจากเรื่อง Alice in Wonderland (2010), และคนสุดท้าย Charlie Hunnam จากเรื่อง Pacific Rim (2013)

ใน ส่วนของภาพรวมบทบาทของตัวละครนั้น รู้สึกว่ายังดึงคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวออกมาได้ไม่ดีเท่าไร คือไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวจริงที่เราอินกะมัน เหมือนมานั่งดูนักแสดงแสดงกันยังงั้น การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ในส่วนที่เป็นจุดสำคัญที่จำเป็นที่จะให้คนดูได้อินกับเนื้อเรื่องก็น้อยมาก แต่ในส่วนที่เราไม่จำเป็นต้องเห็นบ่อย ๆ ก็ดันมีเยอะมากจนทำให้เราเดาทางหนังถูกไปหมด

 

ภาพและฉากของตัวหนัง

เรื่องฉากและส่วนประกอบในหนังเรื่องนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นของผู้กำกับ Guillermo del Toro แล้ว สำหรับแฟนหนังของเขาอย่าง Pan’s Labyrinth (2006) หรือ Hellboy II: The Golden Army (2008) ทำออกมาได้สวยและเป็นเอกลักษณ์ของธีมในเรื่องนี้มาก ถึงแม้ว่าฉากต่าง ๆ จะมีไม่มากนัก แต่เรื่องรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ภาพรวมและโทนของหนังออกมาให้เราอินกับสถานที่และช่วงเวลาในหนังจริง ๆ

จุด เด่นและฉากเด็ด ๆ ในหนังได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางเทรลเลอร์เกือบจะทั้งหมดแล้ว ถ้าใครที่ได้ดูเทรลเลอร์แบบหนักหน่วงติดตามตลอด อาจจะต้องออกจากโรงแบบ นี่เราแค่มาดูหนังเพื่อความแน่ใจว่าทฤษฎีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับหนังที่เราคิด ไว้มันถูกต้องใช่ไหม

 

เนื้อเรื่อง

การดำเนินเรื่องของหนังในช่วงแรกเป็นไปแบบติด ๆ ขัด ๆ เข้าใจว่าผู้กำกับพยายามจะอธิบายให้เราเข้าใจถึงคาแรกเตอร์ และชีวิตของตัวละครหลัก แต่กลายเป็นว่าเป็นการเปิดประเด็นให้เราต้องเดาจุดไคลแมกซ์กันตั้งแต่ 15 นาทีแรกของหนัง ทำให้เราต้องดูหนังในส่วนที่เหลือแบบอึดอัดและอืดอาด จนในส่วนของตอนจบก็ไม่ได้ทำให้เราตราตรึงเพราะเดาออกตลอดเรื่อง เป็นการเล่าเรื่องแบบเป็นเส้นตรงเลย ไม่มีให้ เอ๊ะ อ๊ะ อ้อ... เป็นแบบ โอเค โอเค อั่ม...แค่นี้ตามที่คิดใช่มั้ย

 

โดยรวม..

ถ้าใครเป็นแฟนพี่โลกิ ไปดูหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มละล่ะ ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมาก ไม่หวังว่าจะเป็นหนังรักโรแมนติกฮอเรอร์แบบ Sleepy Hollow (1999) หรือต้องการขนลุกขนพองหลอนตื่นเต้น ไปเพื่อไปดูฉากประกอบภาพสวย ๆ ผีแบบศิลป์ ๆ ก็ถือว่าเป็นหนังที่สวยเรื่องนึง

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 19 ต.ค. 2015

Media

ปีศาจน้อย

นักเขียนมือสมัครเล่น อ่านง่าย เข้าใจยาก แต่ความตั้งใจเกินร้อยนะฮ้าฟฟฟ